5 ข้อ คัดกรองผู้เช่าดี ไม่มีเจ็บ
ถ้าถามว่าใครอยู่บ้าน (ที่เราปล่อยเช่า) มากที่สุด ? คำตอบย่อมไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นผู้เช่า และแน่นอนว่าการที่เราจะเข้าไปตรวจสอบบ่อย ๆ ก็คงจะไม่เหมาะ ทำได้อย่างมากแค่สอดส่องเวลาไปเยี่ยม ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง เราไม่ค่อยได้เห็นห้องเราหรอกครับ สุดท้ายสภาพห้องจะเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับผู้เช่าล้วน ๆ
นอกจากเรื่องการดูแลห้อง ยังมีเรื่องการละเมิดกฎของคอนโด รวมถึงการจ่ายค่าเช่าล่าช้า จนไปถึงการเบี้ยวค่าเช่า หรือกรณีเลวร้าย อาจถึงขั้นแอบขนของออกจากห้อง เหลือแค่บิลค้างและห้องที่พังทลายไว้ให้เรา
ไม่อยากเจอผู้เช่าเห่ย ๆ คัดกรองยังไงดี ?
อันนี้ผมบอกเลยว่าอันตรายมาก ! เพราะราคาค่าเช่าถือเป็นการด่านแรกในการคัดกรองผู้เช่า หากผู้เช่าจ่ายที่ราคาตลาดไม่ไหว แล้วเรายอมลดราคาลึก ๆ เพื่อให้เค้าเข้ามาอยู่ นั่นหมายความว่า ผู้เช่ากำลังจ่ายค่าเช่าอยู่ที่ขอบบนของเค้า เกิดอะไรสะดุดขึ้นมานิดหน่อย เค้าจะจ่ายค่าเช่าไม่ไหวทันที ซึ่งแน่นอนว่ายังไงก็ต้องเจอเข้าซักวัน เพราะบ้านเช่าเราอยู่กันเป็นปี ๆ
จากที่เคยลองมา 90% ของผู้เช่าที่ผมลดราคาให้ลึก ๆ ภายในเวลาไม่นาน ผู้เช่าจะเริ่มจ่ายค่าเช่าล่าช้า และจ่ายไม่ไหวในที่สุด
สุดท้าย พอเราไปตามค่าเช่า ผู้เช่าส่วนใหญ่จะไม่พอใจ (อารมเดียวกับลูกหนี้ที่ไม่พอใจเวลาโดนทวงหนี้) กลายเป็นผิดใจกัน และนำมาซึ่งปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าลดค่าเช่ามาก ๆ รายได้ที่เข้ามาอาจจะไม่เพียงพอต่อความเสี่ยงที่เรามี เกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้นมา ก็จะเข้าเนื้อได้ง่าย ๆ
แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเราลดค่าเช่าให้ลูกค้าไม่ได้นะครับ เราลดได้ แต่อย่าให้ลึกจากราคาตลาดมากเกินไป เพราะสุดท้ายจะไม่มีใคร Happy ทั้งตัวเรา และผู้เช่า
ผมเคยลองเอาเคสเจ็บ ๆ มานั่งดู แล้ววิเคราะห์ว่าอะไรเป็นสาเหตุ จนได้พบว่า จริง ๆ แล้วเรื่องนี้มันมีเหตุผลของมันอยู่... เงินประกัน คือเงินที่เอาไว้ครอบคลุมความเสี่ยงกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน และในทางจิตวิทยา ผู้เช่าจะระวังมากกว่าถ้ามีเงินประกันอยู่ที่เรา เพราะเค้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา เค้าก็ต้องรับผิดชอบด้วย (ผ่านเงินประกัน)
ผมเคยลดเงินประกันให้เหลือ 1 เดือน เพื่อแลกกับสัญญา 3 ปี ต้องขอบอกเลยว่า อ่อนหัดนัก!!!
ผู้เช่าไม่แคร์ห้องเราเลย ทำห้องเสียหาย ยิ่งไปกว่านั้น สัญญา 3 ปีจะมีประโยชน์อะไรครับ ถ้าเงินประกันแค่ 1 เดือน เค้าอยากออกเมื่อไหร่ก็แกล้งจ่ายค่าเช่าช้าซักครึ่งเดือน บวกไม่จ่ายค่าน้ำไฟซัก 2 เดือน แล้วแอบขนของออกอย่างเงียบ ๆ แค่นี้ผู้เช่าก็คุ้มแสนคุ้มแล้ว เงินประกันที่วางไว้ยังไม่พอจ่ายบิลที่ค้างเลย ไม่ต้องพูดถึงความเสียหายมากมายมหาศาลในห้อง
สมัยลงทุนใหม่ ๆ โดนแบบนี้ไปหลายครั้ง เพราะคิดแค่ว่า เงินประกันน้อยก็ไม่น่าเป็นไร ยังไงก็ต้องคืนตอนผู้เช่าออกอยู่ดี... พลาด 🙂
ผู้เช่าที่รักษาคำพูด สำคัญมาก เพราะการดำเนินการแทบทุกอย่างต้องทำผ่านการได้ข้อมูลจากผู้เช่า ถ้าผู้เช่าชอบพูดโกหก สุดท้ายจะนำมาซึ่งปัญหามากมาย
จะรู้ได้ยังไงว่าผู้เช่าเป็นคนรักษาคำพูดรึเปล่า ?
ผมเคยมีผู้เช่านัดมาดูห้อง พอถึงวันนัดกลับเงียบไปเลย ถามก็ไม่ตอบ จนผ่านไปหลายวันเพิ่งตอบกลับมาว่าพอดีติดธุระเลยไม่ได้เข้าไป... เมื่อก่อนผมจะเฉย ๆ ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จากที่เจ็บมาเยอะ หลัง ๆ ผมจะคัดผู้เช่าแนวนี้ออกจากลิสเลย
อีกกรณีนึงที่เคยเจอคือ นัดวางเงินและทำสัญญา พร้อมบรรยายถึงความชอบและความอยากที่จะเข้ามาอยู่ในห้องของเรา แต่พอถึงวันนัดกลับขอเลื่อน เป็นอย่างงี้อยู่หลายรอบสุดท้ายเลื่อนไป 3-4 เดือน แต่ด้วยความที่เค้ามาขอเลื่อนพร้อมเรื่องเล่าที่น่าเห็นใจ อารมประมาณปัญหาครอบครัว ดราม่ามาเลย ผมเลยโอเค ถือว่าช่วย ๆ กัน ... เรียบร้อยครับ!
"เอ็นดูเค้า เอ็นเราขาด" สุภาษิตนี้ยังใช้ได้จริงเสมอ ตอนนี้น้องออกไปแล้ว หลังจากที่เบี้ยวค่าเช่าไปหลายเดือน เหลือไว้แค่บิลค่าน้ำไฟค้างจ่ายและห้องที่เสียหาย พอไปตามก็เงียบ ไม่ตอบ ไม่รับสาย จนตอนนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าที่ผ่านมาเรื่องไหนบ้างที่น้องเคยเล่ามาเป็นเรื่องจริง
อย่าไปเสี่ยงเลยครับ ถ้าเจอผู้เช่าที่ไม่รักษาคำพูด ผมแนะนำให้คัดออกจากลิส ค่าเช่าที่ได้ไม่คุ้มกันกับปัญหาที่จะตามมา
อย่าครับ! เพราะการที่เรามองแบบนั้น จะทำให้เรา Bias ไปตั้งแต่ต้น จนมองข้ามประเด็นสำคัญบางอย่างไป เค้าอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด แต่เรามองไม่เห็น เพราะเราฟันธงไปก่อนที่จะเจอเค้าแล้วด้วยซ้ำ ว่าเค้าต้องดีชัว ๆ ไม่ว่าผู้เช่าจะเป็นชนชาติไหน เราก็ควรจะมองพวกเค้าเหมือนกัน อยู่บนข้อจำกัด และมาตรฐานเดียวกันครับ
ในทางกลับกัน ถ้าเราคุย ๆ ไป แล้วรู้สึกว่าแปลก ๆ คุยกันไม่รู้เรื่อง มีกลิ่นตุ ๆ ว่าผู้เช่าคนนี้น่าจะไม่โอเค ก็ขอให้เชื่อมั่นในสัญชาติญาณครับ
เชื่อผมเถอะครับว่ามนุษย์เราเก่ง พอเราเลือกอะไรไปนานๆ เราจะมี Six Sense กับเรื่องนั้น ๆ คนที่ชอบรถ ดูรถมาเยอะ ๆ แค่ได้ฟังเสียงเครื่องยนต์ ก็รู้แล้วว่ารถมีปัญหา... ถ้าเราคุยกับคนมาเยอะ ๆ แค่คุย เราก็รู้แล้วครับว่าผู้เช่าคนนี้เป็นยังไง บางครั้งยังอธิบายเหตุผลไม่ได้ด้วยซ้ำ
ต้องมานั่งแก้ปัญหาทุกอาทิตย์ เอาเบียไปกินในสระ นิติมาไล่ก็ไม่ยอมขึ้นจากสระ พอว่ามาก ๆ เข้าก็เปลี่ยนแก้วน้ำโค๊กมาใส่แล้วบอกว่านี่เป็นโค๊กแล้วกินต่อ แอบเอาสัตว์เข้ามาเลี้ยง บ่นว่าสีห้องไม่สวย บ่นว่าหน้าห้องเหม็นแต่พอเอาช่างมาดูก็ไม่มีใครเหม็นอะไรเลย ทะเลาะกับนิติจนเค้าต้องลอคคีการ์ด และอื่น ๆ อีกมากมาย 🙂
เพราะฉะนั้น เชื่อผมเถอะครับ คนเราทุกคนคุยกับมนุษย์มาเยอะพอจะรู้ว่าใครแปลก ต่อให้บางครั้งเราจะนึกเหตุผลไม่ออก แต่ขอให้เชื่อมั่นใน Six Sense ของตัวเอง
นัณธนวรรม์
เจ้ยมาเยอะเช่นกันค่ะ มาเคสนี้ดีกว่า เอาห้องเช่าเป็นห้องอุ้มบุญ โอ้ยย อยากจะบ้าตาย คนเวียนมาอยู่เปลี่ยนหน้าเป็นสิบๆราย เคสนี้มาจากคนจีน ข้อแรก คนจีนต้องระวังไว้ก่อน
เอาจริงเราให้เช่าก็ได้ เพียงแต่มันจะมาวุ่นวายตอนตร.มาจับนิล่ะ 555 ตอนนั้น ไล่ผุ้เช่าออกแทบไม่ทัน ของในห้องเละ บุหรี่เหม็นมาก เสพยาอีกต่างหาก ..
เอาจริงเราให้เช่าก็ได้ เพียงแต่มันจะมาวุ่นวายตอนตร.มาจับนิล่ะ 555 ตอนนั้น ไล่ผุ้เช่าออกแทบไม่ทัน ของในห้องเละ บุหรี่เหม็นมาก เสพยาอีกต่างหาก ..
12/02/2565 23:19