ความรู้

ความรู้

กู้ร่วมได้ไหม? คำถามที่นายหน้าต้องเจอ เรียนรู้กันไว้ ได้ใช้แน่ๆ

วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 17 กุมภาพันธ์ 2565 22:58
ทางออกในการกู้สินเชื่อบ้านคนเดียวแล้วเกิดไม่ผ่าน เรามักจะเลือกใช้วิธีกู้ร่วมแทน ด้วยการดึงอีกคนมาเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งข้อดีคือจะเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการกู้ผ่านสูง แต่อย่างไรก็ตามเราควรศึกษาถึงเรื่องที่ต้องระวัง ในการกู้ร่วมด้วยเช่นเดียวกัน
โอกาสทำธุรกรรมอื่นยาก
เมื่อไหร่ก็ตามที่ชื่อเราอยู่ในสัญญา แม้ต่อให้เราไม่ได้จ่ายจริงเป็นแค่การยืมชื่อ แต่ธนาคารไม่ได้มองอย่างนั้น ซึ่งจะถูกนับว่าเป็นรายจ่ายหรือมีหนี้เพิ่มขึ้นมาทันที ส่งผลให้เวลาเราอยากซื้อรถหรือทรัพย์สินอื่นๆ วงเงินในการขอสินเชื่อก็จะลดลงตามไปด้วย

ขณะเดียวกันถ้าคิดว่าเดี๋ยวขอถอนชื่อออกได้ นั่นหมายความว่าเราต้องมั่นใจ ในศักยภาพของผู้กู้อีกคนพอสมควร ว่าจะมีกำลังในการผ่อนต่อคนเดียวไหว เพราะถ้ารายได้คนเดียวไม่พอ เราก็ไม่สามารถถอนชื่อตัวเองออกจากการกู้บ้านครั้งนี้
ทำสัญญาอะไรต้องมีทั้งสองฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์ การขอลดอัตราดอกเบี้ย หรือแม้กระทั่งการขายบ้าน คือทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้านแบบกู้ร่วม จะต้องมีเอกสารและลายเซ็นของทั้งสองฝ่าย ถ้ามีแค่คนใดคนหนึ่งจะถือว่าไม่ผ่านอนุมัติ

ยกตัวอย่าง คนหนึ่งอยากรีไฟแนนซ์ อีกคนอยากรีเทนชัน หรืออีกคนอยากขายบ้าน อีกคนไม่อยากขาย เรื่องราวจะยิ่งยากเมื่อมีการตัดสินใจสองคน
ลดหย่อนภาษีหารเท่ากัน
ต้องบอกก่อนว่าโดยปกติแล้ว สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีจากการกู้บ้าน จะได้สูงสุดแค่ 100,000 บาท โดยกรณีของการกู้ร่วม จะต้องถูกนำมาหารครึ่ง

สมมติว่า ดอกเบี้ยทั้งปีอยู่ที่ 50,000 บาท ก็จะได้ลดหย่อนภาษีเพียงคนละ 25,000 บาทเท่านั้น หรือถ้าทั้งปีดอกเบี้ยอยู่ที่ 120,000 บาท ก็ลดหย่อนได้แค่คนละ 50,000 บาทไม่เกินกว่านี้ ไม่ได้หมายความว่ากู้สองคนจะบวกรวมกันได้ หรือคนหนึ่งมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ไม่ได้
เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
หากคิดจะขายบ้านก่อนครบกำหนด 5 ปี เราจะไม่ได้จบที่เสียแค่ค่าโอน และค่าภาษีเงินได้ สิ่งที่ตามมาคือการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ในอัตรา 3.3% ของราคาซื้อขาย

ซึ่งต่อให้เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านมากกว่า 1 ปี ก็ไม่ช่วยอะไร ด้วยเหตุผลเพราะว่าเรากู้ร่วม พร้อมกับมีชื่ออยู่ในโฉนดที่ดินทั้งคู่ แต่ถ้ามีแค่ชื่อคนใดคนหนึ่งก็จะไม่เสียตรงส่วนนี้ โดยเหตุผลที่ต้องจ่าย เนื่องจากจะถูกมองว่าเป็นคณะบุคคลไม่ใช่นิติบุคคล เหมือนซื้อเพื่อธุรกิจหรือทำกำไรนั่นเอง
ก่อนจะตัดสินใจกู้ร่วมกับใคร เราควรไตร่ตรองให้ดีก่อน ว่าทั้งหมดข้างต้นที่เอ่ยมาจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งต้องวางแผนรองรับ และตกลงแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ต้องมาทุกข์ใจหรือมีปัญหาในภายหลัง

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม