ความรู้

ความรู้

ส่องตลาดบ้านแพง ตลาดยังแรง ไปต่อได้ดี น่าจะยังดีต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย

วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 7 พฤศจิกายน 2565 16:02
ทิศทางตลาดบ้านราคา 10 ล้านขึ้นไปยังคงบวก ความต้องการย่านชานเมืองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงมีการขยายตัวของอุปทานเพิ่มขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศยังคงอยู่ในสภาวะการฟื้นตัว

แต่ตลาดบ้านกลุ่มนี้ยังคงมีทิศทางเติบโตสวนกระแสอย่างมีนัยยะสำคัญ สะท้อน

จากความต้องการของผู้ซื้อบ้านในกลุ่มนี้ที่มีความต้องการซื้อบ้านในโครงการ Pre-sale จนหลายโครงการสร้างเสร็จไม่ทันขาย

อันเนื่องมาจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านในระดับนี้ยังคงมีรายได้ที่มั่นคงและอยู่ในช่วงที่ต้องการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยใหม่หรือซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2 และ 3 ส่งผลให้ความต้องการในบ้านกลุ่มนี้มีค่อนข้างสูง

โดยย่านที่บ้านกลุ่มนี้เติบโตได้ดีในช่วงเวลานี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนต่อขยายของกรุงเทพฯ (โซนกรุงเทพฝั่งตะวันออก, โซนกรุงเทพฝั่งตะวันตก, โซนกรุงเทพฝั่งเหนือ) ซึ่งยังคงมีที่ดินผืนใหญ่ในการพัฒนาและการคมนาคมที่เอื้ออำนวยให้การเดินทางเข้ามายังศูนย์กลางธุรกิจได้อย่างสะดวก
ใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน
จำนวนใบอนุญาตบ้านในระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ได้รับการอนุญาตให้ทำการจัดสรรที่ดิน (ทั้งโครงการ) พบว่าการอนุญาตจัดสรรที่ดินสำหรับกลุ่มบ้านที่มีระดับราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่ปี 2560 ถึง ครึ่งปีแรก 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 11,032 หน่วย โดยในครึ่งปีแรก 2565 นี้พบว่ามีใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในกลุ่มนี้ อยู่ที่ 945 หน่วย
อุปทาน
อุปทานสะสมของที่อยู่อาศัยแนวราบระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีอุปทานสะสมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 20,794 หน่วย โดยปีอุปทานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในครึ่งปีแรกมีจำนวน 943 หน่วย

โดยอุปทานส่วนใหญ่ 3 อันดับ

อยู่ในระดับราคา10 – 20 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 47 รองลงมาได้แก่ระดับราคา 21 – 30 ล้านบาท และ ระดับราคา มากกว่า 50 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 27 และ 10 ตามลำดับ
อุปสงค์
ณ ครึ่งปีแรก 2565 พบว่าบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีหน่วยขายสะสมทั้งสิ้น 17,283 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 20,794 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายที่ร้อยละ 83 อัตราการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากสิ้นปี 2564 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 69
โดยในครึ่งปีแรกพบว่ามีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่มีทั้งสิ้น 1,944 หน่วย โดยหน่วยขายได้ดังกล่าวสะท้อนให้ให้เห็นถึงความต้องการบ้านในระดับนี้ที่มีการเติบโตได้ดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 และเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ โดยใน

ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ซึ่งมีหน่วยขายอยู่ที่ 1,813 หน่วย โดยหน่วยขายได้ซึ่งหากเทียบกับหน่วยขายได้ในครึ่งปีนี้มีจำนวนที่ใกล้เคียงและคาดว่าในช่วงสิ้นปีจะมีหน่วยขายสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านผ่านมา
โดยบ้านที่มีระดับราคาขายระหว่าง 10-20 ล้านบาท มีอุปสงค์สูงสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9,813 หน่วย รองลงมาคือบ้านที่มีระดับราคาขายระหว่าง 21 - 30 ล้านบาท และ 31 - 40 ล้านบาท มีอุปสงค์อยู่ที่ 3,098 หน่วย และ 2,278 หน่วยตามลำดับ ในส่วนของอัตราการขายที่สูงสุด คือ บ้านระดับราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท

เนื่องจากอุปทานที่มีอยู่จำกัด ทำให้อัตราการขายสูงที่สุด ซึ่งมีอัตราการขายอยู่ในอัตราร้อยละ 91 รองลงมาได้แก่ บ้านระดับราคาระหว่างช่วง 41-50 ล้านบาท และ 51 - 60 ล้านบาท อัตราการขายที่เท่ากันอยู่ในอัตราร้อยละ 90 ส่วนบ้านระดับราคา 61-70 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่มีอุปสงค์ต่ำที่สุด
โดยระดับบ้านที่มีความต้องการสูงที่สุดคือบ้านที่มีระดับราคาขายระหว่าง 10 -20 ล้านบาท ยังเป็นกลุ่มที่ได้รับการตอบรับที่ดี โดยกลุ่มผู้ซื้อจะเป็นกลุ่มที่ต้องการขยายครอบครัวให้ใหญ่ขึ้นซึ่งประกอบด้วยเจ้าของธุรกิจส่วนตัว หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ

รวมถึงกลุ่มคนไทยที่อยู่ต่างประเทศซื้อเก็บเพื่อใช้พักผ่อนในช่วงมาเมืองไทย ในขณะที่กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่สนใจซื้อบ้านมากที่สุดคือกลุ่มคนจีนที่แต่งงานกันคนไทยหรืออาจจะซื้อผ่านตัวแทนและในนามนิติบุคคล โดยกลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้ยังมีสภาพคล่องและรายได้สูงและส่วนใหญ่จะซื้อเป็นเงินสดประมาณร้อยละ 80
แนวโน้ม
สถานการณ์ตลาดบ้านระดับราคา 10 ล้านขึ้นไปในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีทิศทางที่เป็นบวก สืบเนื่องจากกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกลุ่มที่เน้นอยู่อาศัยจริง ในช่วงครึ่งปีหลัง

ผู้ประกอบการยังคงเน้นจับตลาดบ้านกลุ่มนี้และยังเปิดตัวโครงการใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะยังมั่นใจในดีมานด์ของตลาดกลุ่มนี้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดนี้ยังไปต่อได้คือสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและให้ความสะดวกในการดำเนินชิวิต
ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มบ้านในระดับราคานี้ได้ขยายตัวออกไปในพื้นที่ส่วนต่อขยายของกรุงเทพฯ (Extension Business District: EBD) และยังได้รับการตอบรับที่ทีต่อผู้ซื้อ

สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมในการอยู่อาศัยและการซื้อที่อยู่อาศัยของคนเมืองที่เปลี่ยนไป อันเนื่องมาจากโครงการบ้านในเมืองที่มีราคาที่สูง กลุ่มผู้ซื้อจึงมองหาบ้านหรูในพื้นที่ที่ไกลออกไปจากศูนย์กลางธุรกิจ
แต่ยังคงสามารถเข้าเมืองได้สะดวกจากเส้นทางคมนาคมที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้โครงการที่อยู่ในย่านชานเมืองหรือส่วนต่อขยายได้รับความสนใจค่อนข้างมาก

โดยย่านกรุงเทพฯ กรีฑาตัดใหม่กำลังเป็นย่านที่มีการพัฒนาบ้านแนวราบโดยเฉพาะบ้านในระดับราคา 10 ล้านขึ้นไป โดยย่านนี้ถือว่าเป็นย่านที่มีศักยภาพที่คาดว่าจะเป็นดาวเด่นในอนาคตเพราะกำลังมีการพัฒนาเกิดขึ้นรองรับการอยู่อาศัย

อาทิ โรงเรียนนานาชาติ สนามกอล์ฟ และคอมมิวนิตี้มอล์ที่จะมาเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้ อย่างไรก็ดีนอกจากทำเลที่ดีมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่และการคมนาคมที่สะดวกแล้ว ปัจจัยสำคัญของการเลือกซื้อบ้านคือ การมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัวต่อผู้อยู่อาศัย
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
โอภาส ใหญ่ HI - Happy Investor

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ความรู้

Sena Vela สุขุมวิท-บางปู บ้านอิสระ นวัตกรรมใหม่ Zero Energy House “บ้านพลังงานเป็น0” มิติใหม่ของการอยู่อาศัยแห่งอนาคต บนทำเลที่สะดวกทุกเส้นทาง

ครั้งแรกของวงการอสังหาฯ "เสนา ดีเวลลอปเม้นท์" ก้าวสู่การเป็นผู้นำ บ้านประหยัดพลังงาน ด้วยแนวคิด "บ้านพลังงานเป็น0" หรือ 𝙕𝙚𝙧𝙤 𝙀𝙣𝙚𝙧𝙜𝙮 𝙃𝙤𝙪𝙨𝙚 🏡🌍
.
"𝙎𝙚𝙣𝙖 𝙑𝙚𝙡𝙖 สุขุมวิท-บางปู" ได้เข้ามาเสริมทัพเพื่อขยายความแข็งแกร่งให้กับนิยามนี้ ซึ่งให้ความสำคัญของ "บ้านพลังงานเป็น0" ตั้งแต่ส่วนกลาง เช่น การติดตั้ง Solar รณรงค์แยกขยะ มีระบบนำน้ำจากบ่อพักมารดน้ำต้นไม้ และให้ความใส่ใจไปจนถึงการเลือกบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ที่ช่วยดูดซับ CO2 และเพิ่ม O2 ให้กับชุมชน 💦🌿
.
🌤✨ อีกหนึ่งจุดเด่นที่สร้างแต้มต่ออยู่ตรงบ้านทุกหลังได้ติดตั้ง Solar Roof Top สำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ในบ้าน ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุด 25 ปี*
.
🏠🌲 ส่วนรูปแบบบ้านมีให้เลือกทั้งบ้านแฝด แต่ที่น่าสนใจคือบ้านอิสระ 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. หน้ากว้าง 7.75 ม. ฟังก์ชัน 4+1 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ โดดเด่นด้วยสเปซพิเศษด้านข้าง ทำให้ผนังห้องนอนไม่ติดกับเพื่อนบ้าน ได้ความเป็นส่วนตัวแล้วยังทำให้ทุกหลังมีพื้นที่สีเขียวข้างบ้านเป็นของตัวเองอีกด้วย! 😲
.
เรื่องทำเลที่ตั้งก็ไม่ธรรมดา อยู่บนถนนหลักสุขุมวิท-บางปู ซึ่งจะเห็นว่าน้อยโครงการมากที่จะอยู่ติดถนนใหญ่ ทำให้เดินทางสะดวกสบาย อีกทั้งยังอยู่ใกล้รฟฟ.สายสีเขียว 🚈 ที่ตอนนี้สถานีล่าสุดคือเคหะฯ แต่อนาคตจะขยายมาจนถึงสถานีตำหรุ ที่หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะทำให้โครงการอยู่ใกล้สถานีนี้แค่ประมาณ 500-600 ม.*
.
ไปสัมผัสด้วยตัวเองได้ที่โครงการ "𝙎𝙚𝙣𝙖 𝙑𝙚𝙡𝙖 สุขุมวิท-บางปู" แต่แวะลงทะเบียนกันซะนิด คลิก 👉👉 https://www.sena.co.th/project/sena-vela-sukhumvit-bangpoo
.
อ่านรีวิวแบบเจาะลึก คลิก >>> https://www.livinginsider.com/re/11907
main-image
ความรู้

𝗔𝗡𝗔𝗡𝗗𝗔 𝗗𝗔𝗗𝗗𝗬 𝗖𝗟𝗘𝗔𝗥𝗔𝗡𝗖𝗘 𝗦𝗔𝗟𝗘 เปิดโพยราคาลดครั้งใหญ่ ครั้งเดียว!! พร้อมแนะนำโครงการ/Unit ที่ว่าดีแบบดี๊‼️

นายสั่งลดขนาดนี้ก็ว้าวุ่นเลยสิ #งานลดตัวพ่อ 𝗔𝗡𝗔𝗡𝗗𝗔 𝗗𝗔𝗗𝗗𝗬 𝗖𝗟𝗘𝗔𝗥𝗔𝗡𝗖𝗘 𝗦𝗔𝗟𝗘 เปิดโพยราคาลดครั้งใหญ่ ครั้งเดียว!! พร้อมแนะนำโครงการ/Unit ที่ว่าดีแบบดี๊‼️
.
ไม่อยากให้ใครพลาดจริงๆ เพราะไม่มีอีกแล้วห้องราคาถูกขนาดนี้ เดี๋ยวจะมาวุ่นวายตามหากันทีหลังก็ไม่ทันแล้วนะบอกเลย 𝟲-𝟴 ต.ค. ชั้น 1 สยามพารากอน #ลดหนักจริง #ลดราคาแห่งปี
.
เห็นราคาลดกันแบบเต็มๆ ตา 👀 แถมยกขบวนมาครบทั้ง 🏢 คอนโดติดรฟฟ.ก็มี คอนโด Luxry ก็มา 🏡 หรือจะบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ก็ไม่พลาดมาให้ได้เลือกสรรกันแบบจุกๆ อย่าง ไอดีโอ พระราม9-อโศก ยูนิต 32-16 Studio Hybrid ขนาด 26.45 ตร.ม. ที่ลดให้กันไปเลยกว่า 3 ลบ.* OMG!!! น่าสนใจมากกกกกกก 😲
.
💙 ที่สำคัญคือลดสูงสุดกันเป็นล้านขนาดนั้น พร้อมโปรเริ่ดๆ ขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว
📱 ฟรี! iPhone 15*
💰 ลดสูงสุด 5 ล้าน*
🚘 ลุ้นรับรางวัลใหญ่ ORA GOOD CAT GT*
🪙 ทองคำ 5 บาท*
.
รีบคลิกลิงก์ลงทะเบียนด่วนจี๋เลย‼ 👉👉 https://anan.ly/3PVdzRm
#งานลดตัวพ่อ #แด๊ดดี้สั่งลด #DaddyClearanceSale
main-image
profile-avatar
บรรณาธิการ Agent Club 29 กันยายน 2566 13:21
ความรู้

ริสแลนด์ ซื้อคืนหุ้นกู้ RLTH23OA 400 ล้านบาท ก่อนครบกำหนด และ เตรียมเปิดจองหุ้นกู้ออกใหม่ตุลานี้

📈 ริสแลนด์ ซื้อคืนหุ้นกู้ RLTH23OA 400 ล้านบาท ก่อนครบกำหนด และ เตรียมเปิดจองหุ้นกู้ออกใหม่ตุลานี้ มีประกัน 2.3 เท่า มูลค่า 1,500 ลบ. ดอกเบี้ย 7.5% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน
.
ดร. จาง เหลียงกัง ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกรณีข่าวช่วงกลางเดือน ส.ค. 66 ทั้งในจีน ต่างประเทศ รวมถึงในไทย เกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศ และการชำระคืนหุ้นกู้ภายในประเทศ ของบริษัท Country Garden

ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯขนาดใหญ่อันดับต้นของจีน และเป็นที่ทราบกันในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ในไทยว่าเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องแสดงความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเงิน และผลกระทบกับหุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระ RLTH23OA และ RLTH24OA รวมถึงหุ้นกู้ตัวใหม่ ที่จะเสนอขายภายในเดือน ต.ค.66 จึงเรียนชี้แจงดังนี้
.
🪙 1. Country Garden ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ตามกำหนด และยืดระยะเวลาคืนเงินหุ้นกู้ในประเทศออกไปอีก 3 ปี
1.1 บริษัท Country Garden จ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศทันกำหนด ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้
เพราะเมื่อกลางเดือนสิงหาที่ผ่านมา มีข่าวว่าบริษัทไม่ได้ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศ มูลค่า 22.5 ล้านดอลลาร์ แต่ความจริงมีระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 ได้ชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ต่างประเทศทันกำหนด
.
1.2 บริษัท Country Garden เจรจาเจ้าหนี้ยืดเวลาคืนเงินหุ้นกู้ในประเทศ ออกไปอีก 3 ปี และได้ตกลงกับกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ในประเทศ มูลค่า 535 ล้านดอลลาร์ ให้มีการเลื่อนการชำระคืนเงินต้นได้สำเร็จ โดยได้เลื่อนชำระคืนเงินต้นไปจนถึงปี 2569
.
📊 2. บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด ซื้อคืนหุ้นกู้ RLTH23OA ก่อนกำหนดชำระในเดือน ต.ค.66 ในส่วนการดำเนินการในไทย วันที่ 14 ก.ย.66 บริษัทได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ RLTH23OA และ RLTH24OA โดยมีใจความคือ

2.1 การเปลี่ยนหลักประกัน
ปัจจุบันหลักประกันของหุ้นกู้ทั้งสองชุดเป็นการค้ำประกันโดยบริษัทแม่ที่ประเทศจีน ทั้งนี้การเปลี่ยนหลักประกัน จะสามารถแก้ไขและหลีกเลี่ยงการ Cross-default จากบริษัทแม่ และลดความเสี่ยงให้กับผู้ถือหุ้นกู้ เนื่องจากหลักประกันอยู่ในประเทศไทย ซึ่งลดความเสี่ยงได้เมื่อเกิดการบังคับขายหลักประกัน

2.2 ข้อกำหนดสิทธิที่เพิ่มเติมลงไปในวาระ
เรื่องการไม่ชำระปันผล คืนเงินกู้ยืม และ/หรือให้เงินกู้ยืมบริษัทแม่ เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจในประเทศไทย และความแข็งแกร่งของบริษัทที่การดำเนินงาน และผลประกอบการมาจากไทย รวมถึงลดความเสี่ยงให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้
.
⏳ 3. ชำระหนี้หุ้นกู้ก่อนครบกำหนด
วันที่ 2 ก.ย.66 บริษัทได้ซื้อคืนหุ้นกู้รุ่น RLTH23OA มูลค่า 400 ล.บ. ซึ่งเสมือนเป็นการชำระหนี้หุ้นกู้ก่อนครบกำหนดจริง ในวันที่ 19 ต.ค.66
.
📆 4. ภายในเดือนต.ค. 2566 ริสแลนด์ คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้มีประกัน 2.3 เท่า มูลค่า 1,500 ลบ. ดอกเบี้ย 7.5% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ระยะเวลา 1 ปี 9 เดือน
.
สำหรับหุ้นกู้ทั้งหมด บริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการ Sky Rise อเวนิว สุขุมวิท 64 เฟส 1 โดยหลักประกันที่ใช้ในการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในทำเลศักยภาพสูงของโครงการ Sky Rise อเวนิว สุขุมวิท 64 เฟส 1 บนถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 64/2 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 14 ไร่ ใกล้กับรฟฟ.บีทีเอสสถานี ปุณณวิถี
.
จากการประเมินราคาสภาพปัจจุบัน ที่การก่อสร้างคืบหน้าแล้วประมาณ 42% และมีมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประมาณ 3,455.34 ลบ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.3 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ และการเบิกจ่ายเงินสำหรับใช้ในการก่อสร้าง จะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ก่อนเท่านั้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขการใช้เงินที่ค่อนข้างรัดกุม
.
สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้าง คาดว่าสิ้นปีนี้จะสร้างเสร็จจนถึงชั้น rooftop โดยเงินทั้งหมดที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะใช้ในการก่อสร้างโครงการทั้งหมดจนแล้วเสร็จ และเริ่มโอนพร้อมรับรู้รายได้ประมาณก.ย.67 ซึ่งตลอดเวลาการก่อสร้างบริษัทจ่ายเงินผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์ต่างๆ ตรงตามสัญญาตลอด ทำให้ไม่มีปัญหาล่าช้าในการก่อสร้าง
.
💰 5. เสถียรภาพทางการเงินของ บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมียอดขายพร้อมโอนทั้งหมด 3 โครงการ จากทั้งหมด 6 โครงการ ได้แก่ เลคซีรีน พระราม 2 คลาวด์ทองหล่อเพชรบุรี และเดอะ ลิฟวิ่น เพชรเกษม มีมูลค่ายอดขายทั้งหมดประมาณ 9,500 ลบ. จากมูลค่ารวมทั้งหมด 3 โครงการประมาณ 13,700 ลบ.
.
และเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วน ของหุ้นกู้รุ่น 1-2565 มูลค่า 120 ลบ. พร้อมดอกเบี้ยค้างชำระ และค่าธรรมเนียมไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด ในอัตราร้อยละ 7.50 ต่อปี ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ไถ่ถอนก่อนครบกำหนด
.
โดยได้ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน จากกำหนดเดิมในเดือนธ.ค.66 โดยความสำเร็จมาจากยอดโอนโครงการ ที่เริ่มโอนในปลายเดือน ก.ค.66 เร็วกว่ากำหนดเดิมในปลายเดือนก.ย.66
.
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังสามารถทำยอดขายรวมจาก 6 โครงการ ทั้งหมดประมาณ 23,000 ลบ. จากมูลค่าโครงการรวมประมาณ 31,000 ล.บ.
.
โดยเฉพาะโครงการสกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท64 มูลค่าโครงการประมาณ 9,500 ลบ. ทำยอดขายประมาณ 5,500 ลบ. หรือประมาณ 58% โดยราคาขายเฉลี่ยปัจจุบัน ประมาณ 120,000 บ./ตร.ม. ซึ่งต่ำกว่าราคาขายเฉลี่ยของโครงการอื่นๆ ระดับเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะอยู่ประมาณ 150,000 บ./ตร.ม.
.
และโครงการ เดอะ ลิฟวิ่น รามคำแหง มูลค่าโครงการประมาณ 4,900 ลบ. ทำยอดขายประมาณ 3,300 ลบ. หรือประมาณ 68% ชึ่งทั้ง 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และมีแผนการโอนและรับรู้รายได้ภายในปี 67
.
จากทั้ง 5 กรณีข้างต้น แสดงให้เห็นว่าบริษัท Country Garden ยังมีเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคง จึงอยากให้นักลงทุน ลูกค้า และคู่ค้าของบริษัท ริสแลนด์ ให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในไทยต่อไป โดยไม่มีผลกระทบจากกรณีที่เป็นข่าวข้างต้น
.
ปัจจุบันบริษัทดำเนินกิจการในไทยเข้าสู่ปีที่ 7 และทำการส่งมอบทั้งหมด 3 โครงการ ให้มีรายได้เพียงพอในการพัฒนาอีก 3 โครงการที่เหลือ และเพียงพอในการชำระหนี้เงินกู้ประเภทต่างๆ ได้ตามกำหนดหรือก่อนกำหนดชำระหนี้ เลยขอเชิญชวนให้นักลงทุนเข้าร่วมลงทุน ในหุ้นกู้ตัวใหม่ของบริษัทที่คาดว่าจะเสนอขายภายในเดือน ต.ค.นี้
main-image
profile-avatar
บรรณาธิการ Agent Club 28 กันยายน 2566 18:18