🏠🧑💼ยกระดับมาตรฐานเอเจ้นท์อสังหาฯ...จากเสียงสะท้อนในวงการสู่แนวทางออกใบอนุญาต
มีการเสนอมาหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการการเปิดสอนเป็นคอร์ส แล้วมีประกาศนียบัตรรับรอง
ให้มีการสอบอบรมมีมาตรฐาน ISO
ให้มีเว็บหรือระบบไว้ขึ้นทะเบียนเอเจ้นท์คนไหนมีการรองรับที่มากพอก็จะได้ certificate รับรองโดยผม บลา บลา บลา
อย่างแรกเลยนะ กูเป็นใครก่อน ฮัลโหล!!!
เอาจริงๆทุกอย่างเคยคิดมาหมดแล้ว แต่!!!!!การทำอะไรพวกนี้สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญเลย คือมันต้องมีผลทางกฏหมายถ้าไม่มีมันก็เท่านั้น
เอเจ้นท์ในระบบเท่าที่เช็คได้ คือมีประมาณเกือบ 8 หมื่นคน(รวมรูปแบบบริษัท) ถ้าเป็นนอกระบบอีก
ก็น่าจะประมาณ 130k-150k คน มีทั้งแบบผ่านการอบรมมาหลายคอร์ส ทั้งแบบครูพักลักจำ
ทางกฏหมายมีข้อกำหนดมารองรับเหมือนกัน แต่ก็มีเพียงไม่กี่มาตราเท่านั้น ไม่ได้ลงไปถึงเนื้องานที่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้
แม้แต่การได้ใบรับรองจากสมาคมที่พอจะเกี่ยวข้องกับในวงการมันก็ไม่ได้การันตี ว่าคนที่ได้ใบนั้นเดินไปเดินมา จะหมายความว่าคนเหล่านั้นเชื่อถือได้
เพราะทุกวันนี้ ไม่ว่าใครจะมีใบหรือไม่มีใบสามารถเป็นเอเจ้นท์ได้เหมือนกันหมดมันทำให้คนส่วนใหญ่
มักตราหน้าอาชีพนี้ ว่าเป็นพวกจับเสือมือเปล่า
ทั้งๆที่คนที่ทำเป็นอาชีพใช้อาชีพนี้เลี้ยงชีพตัวเอง ค่าใช้จ่ายต่างๆโดยเฉพาะการตลาดไม่ต่างอะไรกับพ่อค้าแม่ค้าขายของออนไลน์เลย
แต่เท่าที่ทำมาเกือบ 10 ปี ก็ไม่มีเจ้าของทรัพย์คนนั้น ถามหาใบประกอบวิชาชีพจากผมเหมือนกันนะ ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกปากต่อปากเท่านั้น และเจ้าของก็มองว่า แมวสีไหนก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ข้อดีมันก็มี แต่ข้อเสียมันก็มากมันเลยกลายเป็นพื้นที่เทาๆ ที่เต็มไปด้วยหมอกควัน ไม่มีฐานข้อมูล
หรือระบบที่ตรวจสอบประวัติได้เลย ว่าคนที่คุยอยู่ตรงหน้า คือมิตรแท้หรือมิจฉาชีพ
ดังนั้นสิ่งที่เป็นกระดุมเม็ดแรกของวงการนี้ คือการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพ(Licenses) และการใช้กฏหมายอาชีพสงวนอย่างเข้มข้น มีหน่วยงานคอยรับเรื่องพวกต่างด้าวประกอบอาชีพในประเทศ มันจะช่วยคัดกรองพวกหลืบไรได้มากขึ้น
จะหวังให้ได้ 100% เลยมั้ย...คงไม่ เพราะในประเทศสารขันธ์ มันยังมีช่องโหว่มากมายในการลื่นไหลแต่อย่างน้อย ให้สังคมเอเจ้นท์มันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
และสิ่งสุดท้ายคือ กูเป็นใครก่อน!!! ถึงมีน้ำหนักในวงการขนาดนั้น คนอาจจะรู้จักเราในวงๆนึง ถ้าเทียบกับวงการทั้งประเทศ ก็ยังถือว่าเป็นคนตัวเล็กๆเท่านั้น
เราเป็นใคร? เค้าถึงยอมรับ ยอมให้เรากำหนดมาตราฐานวิชาชีพได้ขนาดนั้น เราคงไม่ได้เป็นถึงขนาดนั้น
แต่ถ้าให้เป็นที่ปรึกษา เพื่อผลักดันวงการนี้ให้มันดีขึ้น จนออกเป็นกฏหมายบังคับใช้อย่างจริงจังอันนี้ยินดีมากๆ หวังจะให้มันเกิดขึ้นในระหว่างที่เรายังมีลมหายใจอยู่ในชาตินี้เหมือนกัน