แชร์ประสบการณ์

แชร์ประสบการณ์

นิทานอสังหา EP.3: เจ้าของบ้านหรูกับผู้เช่าในฝัน...ที่กลายเป็นฝันร้าย

matching
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 23 กรกฎาคม 2568 17:22
คุณพิชญาไม่ใช่มือใหม่ในวงการอสังหาฯ เธอคือนักลงทุนหญิง ที่เริ่มจากคอนโดมือสองย่านศรีนครินทร์ ปล่อยเช่า เก็บสะสมอิฐก้อนเล็กๆ จนกลายเป็นตึกทั้งหลังในมือ

เธอมีอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ ทั้งปล่อยเช่า ขายต่อ รีโนเวทขาย และปล่อยเช่าแบบ short stay
เธอเจ็บมาหลายครั้งจากคำว่า
"ค่าเช่าไม่พอผ่อน", "ผู้เช่าหนี", “ห้องพัง”, "ซ่อมไม่จบ", "กู้ไม่ผ่าน"
เรียกว่าเธอเจอมาเกือบทุกรูปแบบ
แต่หลังจากขายทรัพย์ก้อนสุดท้ายได้กำไรก้อนโต เธอก็เหลือโครงการบ้านหรูในศรีนครินทร์เป็นบ้านหลังใหญ่ขนาดที่จอดรถได้ถึง 10 คัน มีสนามหญ้าในบริเวณ ห้องโถงอันใหญ่โตห้องนอนมากกว่า 4 ห้อง และห้องแม่บ้านแยก

บ้านหลังนี้ เธอไม่ได้อยากขาย เพราะมันคือ Flagship ของชีวิตนักลงทุนและเธอก็มั่นใจว่า…มันต้องทำงานให้เธอได้ในฐานะเครื่องจักรผลิตเงิน
เธอตั้งเป้าไว้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ใช่บ้านที่ใครจะเช่าได้แต่ต้องเป็นคนที่คู่ควรกับมัน
คุณพิชญาคิดในแบบของคนที่ผ่านสนามรบอสังหาฯ มายาวนาน เธอรู้ดีว่าทรัพย์แบบนี้ไม่ได้เหมาะกับครอบครัวไทยทั่วไป และไม่อยากปล่อยเช่าราคาถูกแล้วมีปัญหาอย่างที่เธอประสบพบเจอมาตลอด

เธอจึงตั้งราคาค่าเช่าไว้ที่ 350,000 บาท/เดือน โดยไม่สนใจว่าในตลาดหลังคล้ายกันปล่อยแค่ 190,000–200,000 บาท
“ใครจ่ายไม่ไหวไม่ต้องมาเช่าบ้านฉัน”
เธอไม่ได้มองหาคนที่เหมาะกับบ้านแต่เธอมองหาใครสักคนที่รู้ว่าบ้านหลังนี้มีค่าเหมือนกับที่เธอรู้สึก

คุณพิชญาเคยเจอลูกค้าคนไทยที่ต่อราคาแรงขอหักค่าเช่าแล้วรีโนเวทเองเธอเหนื่อยกับความจุกจิกแบบนั้นมานาน
จนเอเจนท์คนหนึ่งบอกเธอว่า

“ลองเปิดรับลูกค้าชาวจีนไหมครับ? บางคนอยู่ไทยไม่กี่เดือน เช่าเพื่อทำธุรกิจ แต่จ่ายตรง ตัดสินใจเร็วมาก บางคนจ่ายล่วงหน้า 6 เดือนเลย”
มันเหมือนคำตอบจากฟ้าเธอไม่ต้องการผู้เช่าที่มีความจุกจิกไม่อยากยุ่งกับคนที่มีความต้องการมากมายเธอแค่ต้องการคนที่มองหาบ้านเช่าระยะสั้นเพื่อที่จะเรียกราคาได้

และแล้วคนๆนั้นก็มาจริงๆ ชายหนุ่มจีนวัยราว 30 ขับรถอัลพาร์ดมาจอดหน้าบ้านแต่งตัวแบรนด์เนมพร้อมกระเป๋าเงินสดหนาเตอะ

เดินดูบ้านแค่ 15 นาที แล้วบอกว่า
“บ้านดี กว้าง ตรงตามที่ต้องการ ผมเอาเลยครับ โอนค่าเช่าล่วงหน้า 6 เดือนทันที พรุ่งนี้ขนของเข้ามา”
เขาวางเงินทันทีโดยไม่ต่อรองราคาเลยสักคำมันคือดีลในฝัน
ไม่มีข้อต่อรอง
ไม่มีข้อตกลงแปลกๆ
ไม่มีสัญญาเช่าผูกมัด
เงินเข้าแล้ว เธอถอนหายใจอย่างภูมิใจนี่แหละ ผู้เช่าในอุดมคติที่นักลงทุนอสังหาฯ ทุกคนฝันถึง
เดือนแรกผ่านไป ทุกอย่างดูเรียบร้อย

แต่เดือนที่ 2
มีเพื่อนบ้านเริ่มคุยกันไลน์กลุ่มว่า
“บ้านหลังนี้มีรถเข้าออกตอนตีสามแทบทุกคืน พวกเรานอนไม่หลับเลย”

เธออ่านข้อความ... แล้วเลื่อนผ่าน เธอบอกตัวเองว่า
"คนจีนอาจทำธุรกิจแบบ dropshipping หรือ live ขายของตอนกลางคืนก็ได้"
เดือนที่ 6 มีคนมาส่งของทุกวันเป็นกล่องๆ
วันละ 10 กว่ากล่อง ไม่มีชื่อภาษาไทย ไม่มีรปภ. กล้าเดินเข้าไปถามและแล้วในเช้าวันหนึ่งรถตู้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และดีเอสไอ ก็มาจอดหน้าบ้านของเธอ

ในบ้านเต็มไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อสายไฟยุ่งเหยิงและพบหลักฐานการฟอกเงินมูลค่ารวมเรียกว่า งบกระทรวงย่อมๆและพบว่าบ้านของคุณพิชญา คือ safehouse สำหรับผู้ต้องหา ในเครือข่ายไซเบอร์ข้ามชาติ

เธอถูกเรียกสอบทันทีไม่ใช่ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดโดยตรงแต่ในฐานะ
“เจ้าของทรัพย์สินที่อาจเพิกเฉยต่อการกระทำผิดโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”
“คุณไม่ได้ตรวจสอบผู้เช่า รับเงินก้อนใหญ่โดยไม่มีการออกใบเสร็จ และไม่มีสัญญาเช่าที่กำหนดขอบเขตการใช้งานชัดเจน”

“คุณปล่อยให้บ้านของคุณกลายเป็นที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย โดยไม่ทำอะไรเลย”
สุดท้าย ธนาคารที่ถือภาระจำนองบ้านร่วมก็สั่งยื่นฟ้องบังคับคดี บ้านหลังนี้ถูกยึดเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมเธอไม่ได้รับเงินค่าเช่าส่วนที่เหลือและต้องเสียภาษีย้อนหลังกับเงินเช่าทั้งหมดที่ไม่เคยรายงานต่อกรมสรรพากร

บ้านหรูไม่ใช่เครื่องมือแสดงศักดิ์ศรีค่าเช่าแพงไม่ใช่ตัววัดประเภทของผู้เช่าและความเพิกเฉยของเจ้าของบ้าน ไม่ได้แปลว่าเราจะรอดพ้นจากความผิด
คุณพิชญาไม่ใช่คนผิดในนิยามของคดีอาญา แต่เธอคือ

“เหยื่อของความมั่นใจตัวเอง”
ที่เลือกจะไม่รู้ เลือกจะไม่เห็น และเลือกจะไม่รับผิดชอบ

บ้านหลังนั้น…
คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าแต่เมื่ออยู่ในมือคนที่คิดแต่จะใช้มันเพื่อทำเงิน โดยไม่มองผลกระทบมันก็กลายเป็น “ตัวเร่งความพังทลาย” ของชื่อเสียงและชีวิตทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว
จบนิทาน EP.3
ขยายความเรื่องของข้อกฎหมาย บ้านหลังหนึ่งจะถูก “ยึด” หรือ “อายัด” โดยรัฐ

มีได้ 3 กรณีหลัก
1. บ้านเป็นของผู้กระทำผิดโดยตรง
เช่น ผู้กระทำผิดเป็นเจ้าของบ้าน ใช้บ้านเป็นสถานที่กระทำผิดศาลมีคำสั่งริบทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

2. บ้านไม่ได้เป็นของผู้กระทำผิด แต่พิสูจน์ได้ว่าเจ้าของรู้เห็นเป็นใจ
เช่น เจ้าของบ้านรู้ว่ามีการกระทำผิดในบ้านแต่ไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อหยุดยั้ง หรือมีพฤติกรรมเอื้ออำนวยแบบนี้มีสิทธิ์โดน “อายัด” ไว้ก่อนเพื่อสอบสวน

ใน พ.ร.บ.ฟอกเงิน มาตรา 3-4 นิยาม “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” ว่าแม้จะไม่ได้เป็นของผู้กระทำผิดโดยตรง แต่หากเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง หรือใช้ในการกระทำผิด

“สามารถอายัดได้”

3. บ้านเป็นหลักฐานในคดีอาญา
เช่น มีอุปกรณ์ผิดกฎหมายซุกซ่อนในบ้าน มีผู้ต้องหาหลบซ่อน หรือใช้เป็น safehouseบ้านอาจถูก “อายัดชั่วคราว” เพื่อการตรวจสอบถ้าพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยจริง ๆ จะคืนให้ในภายหลัง
แล้วในกรณีของ “คุณพิชญา” ล่ะ? ในเรื่องที่เราเล่าไป
✅ เธอไม่ได้รู้เห็นการกระทำผิดโดยตรง
✅ แต่เธอปล่อยเช่าโดยไม่ตรวจสอบ
✅ รับเงินสดจำนวนมากโดยไม่มีเอกสาร
✅ ไม่เคยเข้าไปดูทรัพย์ ไม่ตั้งข้อห้ามใด ๆ ในสัญญาเช่า
✅ ปล่อยให้บ้านกลายเป็นแหล่งทำกิจกรรมผิดกฎหมาย
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงรัฐมีสิทธิ์อายัดทรัพย์เพื่อสอบสวน ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบว่าเจ้าของ ละเลยอย่างร้ายแรง หรือ ได้ประโยชน์จากการกระทำผิด มีสิทธิ์ริบทรัพย์ได้ตามกฎหมายฟอกเงิน

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม