นิทานอสังหา EP.4 ถือดาวน์ไม่เท่ากับกำไร : นิทานของคนที่ 'วางแผน' กับคนที่ 'วางใจ
"ยูนิตมุม ชั้นสูง ใกล้ลิฟต์ วิวไม่บัง ราคานี้ยังว่างอยู่!"
เขาหันมาบอกแก้ม
แต่แก้มขมวดคิ้วนิดๆ
ชั้นเอาห้องฝั่งนี้ดีกว่า โปรลดเยอะกว่า เดือนละ 4,500 เอง”
ทั้งคู่เซ็นใบจองพร้อมกันในวันนั้นกลั้นหายใจรูดบัตรมัดจำ
แก้มบอกปั้นว่า
จึงรู้ว่าถ้ารอปล่อยช่วงใกล้โอนแล้วลากไปถึงโอนแล้วไปหวังเก็บกินค่าเช่า...คงไม่ดีแน่เพราะรอบๆราคาเช่าไม่ได้สูงมากแข่งขันราคาไม่ได้แน่นอน
ปั้นดูแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่กำลังจะมาถึงค้นข้อมูลเกี่ยวกับสำนักงานราชการที่จะเปิดใหม่และประเมินว่าคนที่ทำงานราชการระดับซี คงอยากได้ห้องชั้นสูง ๆ วิวโล่ง
เขาทำหน้าเพจชื่อ “วิวสวยปล่อยต่อ”โพสต์เป็นเรื่องเป็นราวมีภาพยูนิต, มีแผนผัง
มีบทวิเคราะห์ค่าเช่า Yield และ Capital Gainทุกโพสต์เขียนเอง ตัดต่อเอง เงียบบ้าง มีคนกดไลก์บ้าง แต่เขาทำต่อเนื่อง
ส่วนแก้ม...หลังจากผ่อนดาวน์ได้ 12 งวด ก็ไม่ได้ก็ยังทำอะไรต่อ
เดือนที่ 18...
ปั้นขายดาวน์ออกเรียบร้อยได้คนที่มองหาห้องแบบเขาพอดีคู่สามีภรรยาข้าราชการ ที่ไม่อยากเลือกโครงการมือ 2 เพราะกลัวกู้แล้วไม่มีเงินเหลือตกแต่งห้องจึงซื้อดาวน์ต่อจากปั้น พร้อมโอนเองวันรับโครงการ
ราคาที่ได้...
บวกกำไรเกือบ 80,000 บาท หักค่าธรรมเนียม ค่าเอเจ้นท์ เหลือสุทธิ 45,000 บาท
ในใจเขาไม่ได้รู้สึกดีแค่เพราะเงินแต่มันคือการ "ชนะเกม" ที่เขาวางแผนมาตั้งแต่วันแรก
เดือนที่ 21เธอเพิ่งโพสต์ขายดาวน์ครั้งแรกภาพถ่ายจากมือถือ มืดๆแคปชั่นสั้นๆ “ขายดาวน์ขาดทุน คุยได้”
เธอชะล่าใจ เพราะห้องของปั้นสูงกว่ายังขายได้ทำไมห้องของตัวเองที่มีราคาถูกกว่าถึงจะขายไม่ได้
แต่ไม่มีใครติดต่อ เพราะในวันเดียวกันนั้น...หน้าเพจโครงการเองประกาศ “ลดพิเศษก่อนโอน”ยูนิตใกล้กับห้องของเธอ ราคา "ต่ำกว่าห้องของแก้ม"พร้อมของแถมครบทุกอย่างและโปรดาวน์ 0% นาน 18 เดือน
ไม่รู้จะขายให้ใคร
ไม่รู้จะทำยังไง
สำนักงานขายโทรมาครั้งสุดท้าย
เธอจ่ายดาวน์มา 2 ปีเต็ม
รวมกว่า 108,000 บาท
ค่าใบจองอีก 10,000
รวม 118,000 ที่จะหายวับถ้าเธอไม่โอน
วางจองโครงการ 5,000 กับซื้อดาวน์แสนกว่าบาทถึงแม้ราคาหน้าสัญญาห้องแก้มจะถูกกว่าแต่การวางเงิก้อนเพื่อซื้อดาวน์กับกลุ่มลูกค้าแบบนี้คงไม่ง่ายนัก
แก้มได้โทรหาปั้นเพื่อปรึกษาการ exitซึ่งปั้นได้แนะนำไม่ให้ถือจนโอนแต่แก้มยังคงคิดว่าถ้าไม่ปล่อยให้โดนยึดก็ไม่ขาดทุน
วันตัดสินใจ: ต้องกู้แล้วสินะ…เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าดาวน์ที่จองไว้เล่น ๆ วันนั้น จะกลายเป็น “หนี้จริง” ที่ต้องกู้จริง โอนจริง
เธอยื่นกู้กับธนาคาร A ถูกปฏิเสธเพราะภาระหนี้เก่ายื่นธนาคาร B… ผ่านแบบมีเงื่อนไขต้องหาคนค้ำ
ตอนนั้นแก้มตัดสินใจโทรหาแม่…
เสียงแม่ปลายสายเงียบไปนาน ก่อนจะตอบเบา ๆ
“ทำไมไม่บอกแม่ก่อนจะจอง...”
ค่าใช้จ่ายที่พุ่งมาแบบไม่บอกก่อน:
✅ค่าธรรมเนียมโอน 1% (โครงการออกให้)
✅ค่าประกันอัคคีภัย
✅ค่าส่วนกลางล่วงหน้า 1 ปี
✅ค่าประกันมิเตอร์
✅ค่ากองทุน
เมื่อได้กุญแจห้องมาในมือ...เธอยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องที่เธอไม่เคยคิดจะอยู่ห้องที่ไม่มีใครอยากซื้อ ห้องที่วันนี้กลายเป็น พันธะ 30 ปี กับธนาคาร
เธอพยายามปล่อยเช่าตามเรทราคาส่งงวดธนาคาร แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครติดต่อมาจึงตั้งราคา “ต่ำกว่าราคาตลาด”ประกาศทุกกลุ่มแปะใบปลิว ขอเพื่อนช่วยแชร์
ค่าเช่าเดือนละ 7,000 บาท
ทุกเดือนคือการ “โปะต่าง” จากเงินเดือนตัวเองเพื่อให้ห้องที่ไม่อยากได้ ไม่กลายเป็น “ภาระบานไม่รู้จบ”
และสิ่งที่เจ็บที่สุดคือ…โครงการหน้าเดียวกันเปิดตึกใหม่ ราคาลดลงอีกห้องแบบเดียวกัน ราคาขายถูกกว่าเธอวันโอนเกือบ 100,000 บาทพร้อมโปรเช่าอยู่ฟรี 6 เดือน
☐มีปัจจัยหนุนอนาคตหรือเปล่า? เช่น รถไฟฟ้า, ห้าง, ออฟฟิศ
☐ทำเลนี้อิ่มตัวหรือยัง? มีโครงการใหม่เปิดติด ๆ กันหรือไม่?
☐กลุ่มเป้าหมายที่เหมาะกับทำเลนี้คือใคร? เขามีงบเท่าไหร่?
☐วิวดี? ชั้นดี? ใกล้ลิฟต์? ไม่ติดบ่อบำบัด?
☐เป็นยูนิตที่มีจุดเด่นเมื่อเทียบกับห้องอื่นในโครงการหรือไม่?
☐ขนาดห้องเหมาะกับตลาดเป้าหมายหรือเปล่า?
☐มีค่าใช้จ่ายแฝงอะไรบ้าง? (ค่าธรรมเนียมวันโอน, ค่ามิเตอร์, ค่าส่วนกลาง ฯลฯ)
☐มีเงินสำรองเผื่อ "ต้องโอนเอง" หรือไม่?
☐รับไหวไหม ถ้าต้องแบกห้องไว้ยาวกว่าแผน?
☐ถ้ากู้ไม่ผ่าน มีแผนสำรอง? (คนค้ำ, เงินสด)
☐มีแผนปล่อยขายล่วงหน้ากี่เดือนก่อนโอน?
☐เตรียมช่องทางประกาศขายไว้แล้วหรือยัง?
☐โครงการมีโปรโมชั่นตอนโอนหรือเปล่า? ส่งผลต่อราคาเราไหม?
☐มีคนประกาศขายดาวน์ห้องแบบเดียวกันอยู่กี่ราย? ขายได้มั้ย?
☐เคยมีห้องมือสองในโครงการนี้ไหม? ขายราคาเท่าไร?
☐มีแผนทำคอนเทนต์ขายดาวน์? (รูป / จุดขาย / benefit ที่ต่าง)
☐วางแผนลงประกาศใน Marketplace, เพจ, และกลุ่มเฉพาะแล้ว
☐มี Story หรือ positioning สำหรับยูนิตของคุณหรือยัง?
☐ฉันจองเพราะรีบ? เพราะเชื่อคำโฆษณา? หรือเพราะวิเคราะห์จริง?
☐ฉันกำลังซื้อ “ของที่ขายได้” หรือ “ของที่ฉันอยากได้เฉยๆ”?
☐ถ้าเพื่อนมาปรึกษาเรื่องห้องแบบเดียวกัน ฉันจะแนะนำให้จองหรือไม่?
☐ฉันมีข้อมูลมากพอที่จะตัดสินใจอย่าง “นักลงทุน”
☐ฉันไม่ซื้อเพราะ FOMO (กลัวตกรถ) แต่ซื้อเพราะ “เห็นภาพจนจบ”