นิทานอสังหา EP.2: ใกล้รถไฟฟ้า...แต่ไกลชีวิตที่ดี
เพื่อนหลายคนเริ่มทยอยซื้อบ้าน ซื้อคอนโดกันไปส่วนเขายังอยู่หอพักเช่าเก่า ๆ ย่านอินทามระ ตู้เสื้อผ้าหลังเดิม กับแอร์ที่ต้องเคาะรีโมทก่อนเปิด ประกอบกับตัวเองอายุ 30 กว่าแล้ว มันทำให้เขาเริ่มถามตัวเอง
“อีก 3 ปี ราคาขึ้นแน่นอนพี่”
“ตอนนี้คือจังหวะทอง!”
เขาไป survey ดูที่ทางมาวันนึง เขาจึงตัดสินใจกลับมาวางจองทันที ทั้งๆที่คอนโดยังสร้างไม่เสร็จดี
“ดีใจนะลูก บ้านหลังแรกของเรา”
ชีวิตในคอนโดใหม่ช่วงแรกเหมือนฝัน ห้องเงียบสงบ สะอาด มีกลิ่นใหม่ของวัสดุปูพื้น ยามหน้าตึกยิ้มแย้ม รปภ.โบกรถให้ตลอด เพื่อนบ้านมีไม่กี่คน ทุกอย่างดูเป็นระเบียบ
กรใช้ชีวิตแบบนี้ทุกวัน เดินทางด้วยรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน ยืนอัดแน่นกับคนแปลกหน้าจนไม่กล้าขยับไหล่ พอเป็นแบบนี้ทุกวัน ร่างกายเริ่มเหนื่อย
ระยะทางจากคอนโดถึงที่ทำงานใหม่ ต้องเพิ่มการเดินทางรถไฟฟ้าไปอีก 9 สถานี
การเดินทางเพิ่มไปอีกราว 15 นาที และต้องต่อวินมอไซต์เข้าไปที่ออฟฟิสอีก รวมเวลาเดินทางเช้า-เย็นวันละเกือบ 4 ชั่วโมง
เขาต้องตื่นตี 5.30 กลับถึงห้องเกือบสามทุ่ม ค่ารถไฟฟ้าพุ่งเกือบ 3,000 ต่อเดือน ค่าวิน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง... มื้อเย็นหลายวันกินมาม่ากับไข่ต้ม
เขาเริ่มหมดแรงแม้แต่จะนั่งคิดบัญชี จนทำให้กรคิดว่าย้ายไปอยู่ห้องเช่าใกล้ๆที่ทำงานน่าจะดีกว่านี้
ไม่มีเศษขนมปัง
ไม่มีข้าวกล่องเหลือ
มีแต่อากาศเงียบ ๆ กับไฟหัวเตียงที่เปิดทิ้งไว้
"นี่เรากำลังอยู่ในบ้านของตัวเอง หรืออยู่ในกับดักของคำว่าเจ้าของ?"
ห้องเช่าเล็ก ๆ ไม่มีวิว ไม่มีความหรูหรา แต่ใช้เวลาเดินทางไปทำงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเช่าเดือนละ 5,800 รวมค่าน้ำค่าไฟ ก็ยังถูกกว่าค่าผ่อนคอนโด
ทุกเช้า จากที่ต้องตื่นตี 5 ครึ่ง เป็นการตื่น 7 โมงเช้าเดินออกไปกินข้าวต้มร้านป้าแดงหน้าปากซอย แล้วขึ้นรถตู้ไปออฟฟิศพร้อมกาแฟถุงละ 25 บาท
ไม่ต้องเปลี่ยนรถ 3 สาย
ไม่ต้องเบียด
ไม่ต้องแย่งประตูรถไฟฟ้า
ชีวิตที่เคยหนัก เริ่มเบาลงในความเรียบง่ายกับค่ารถไฟฟ้ารวมกันหลายเท่า
เขาเคยลองประกาศขายคอนโดแต่ราคาในตลาดลดลงกว่าตอนซื้อคนที่มาดูก็พูดเบา ๆ
“ไกลไปนิด”
“ลองลดอีกได้มั้ย?”
จบสัญญาแล้วก็ต้องหาคนใหม่ ไม่มีใครอยู่ต่อทุกครั้งที่มีคนย้ายออก เขาต้องกลับไปล้างห้อง จ่ายค่าส่วนกลาง ตรวจเช็คสภาพมันเหนื่อย เหนื่อยกว่าอยู่ห้องเช่ามากนัก
คืนหนึ่ง เขากลับจากทำงาน นั่งจิบเบียร์กระป๋องที่ระเบียงห้องเช่าซึ่งไม่มีวิวแต่มีลมอ่อน ๆ พัดมาอยู่ๆระบบ Facebook ก็เด้งแจ้งเตือนโพสต์รูปกุญแจคอนโดเมื่อปีก่อนคิดถึงคอมเมนต์ “ยินดีด้วย” “เท่จัง” “เป็นเจ้าของแล้วนะ”
แล้วเขาก็หัวเราะออกมาเบา ๆหัวเราะให้กับตัวเองในอดีต หัวเราะให้กับคำว่า
เพราะความภูมิใจนั้น…กำลังทำให้ชีวิตเขาย่ำอยู่กับที่
เขายอมรับว่าคิดผิด ยอมรับว่าตัดสินใจเร็วเกินไป ยอมรับว่าเชื่อคำโฆษณาและภาพในหัวมากเกินไปและที่สำคัญ เขาเริ่มพูดกับคนอื่นว่า
“ความมั่นคงไม่ได้เริ่มจากมีบ้าน แต่เริ่มจากมีชีวิตที่ควบคุมได้ต่างหาก”
ไม่ใช่ทุกคอนโดติดรถไฟฟ้าจะเหมาะกับชีวิตทุกแบบ
และ
ไม่ใช่ทุกทรัพย์สินจะกลายเป็น “ทรัพย์” บางที มันคือ “หนี้ที่เราเรียกมันมาหาเอง”
อาจเริ่มจากแค่
“การมีชีวิตที่ไม่ต้องหนีออกจากบ้านตัวเอง” ก็ได้