เจาะอินไซด์ “Gen Rent” ทำไมคนรุ่นใหม่เลือกเช่า (บ้าน-คอนโด) มากกว่าซื้อ

“Gen Rent” คือนิยามของคนรุ่นใหม่ Gen Z และ Gen Y ที่มองว่าการใช้ชีวิตอย่างยืดหยุ่น สำคัญกว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน การมีบ้านหลังแรกจึงไม่ใช่เป้าหมายของทุกคนอีกต่อไป วันนี้เราจะพาไปเจาะอินไซด์ว่า ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเลือกเช่าบ้านและคอนโดมากกว่าซื้อ?

ไม่อยากเป็นหนี้ระยะยาว

ในฐานะที่เป็นคน Gen Z เหมือนกัน บอกเลยว่าใจนึงก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่อีกใจก็กลัวจะแบกรับภาระหนี้ไม่ไหว เพราะบ้านคือของชิ้นใหญ่ที่เราต้องผ่อนกับธนาคารยาวนานถึง 20-30 ปี ไหนจะต้องรับมือกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันอีก ที่สำคัญคือเราไม่มีทางรู้เลยว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีรายได้เท่าไหร่ งานที่ทำอยู่จะมั่นคงไหม

นี่ยังไม่นับเรื่องดอกเบี้ยบ้านที่บางคนอาจมองข้าม เพราะแค่เห็นยอดผ่อนต่อเดือนพอรับได้ก็รีบตัดสินใจซื้อ แต่ถ้าลองคำนวณให้ดี บ้านที่ราคา 3 ล้านบาท อาจต้องจ่ายคืนรวมดอกเบี้ยไปเกือบ 5 ล้านบาทเลยก็มี และถ้าดอกเบี้ยลอยตัวขึ้นเมื่อไหร่ ภาระผ่อนก็อาจหนักขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว จนทำให้หลายคนเลือกจะ “เช่าไปก่อน” เพื่อความสบายใจในระยะยาวมากกว่า

รายได้สวนทางกับราคาบ้าน

พูดกันตามตรง รายได้ของคนรุ่นใหม่กับราคาบ้านหรือคอนโดสมัยนี้แทบจะสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งรวมกับภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ความฝันมีบ้านหลังแรกเป็นของตัวเองก็ยิ่งไกลความเป็นจริง

ถ้าอยากได้บ้านหรือทาวน์โฮมที่ราคาพอจับต้องได้ ก็ต้องยอมอยู่ไกลออกไปถึงชานเมือง ซึ่งต้องแลกกับเวลาและค่าเดินทางที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าอยากได้คอนโดใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก ก็ต้องเจอกับราคาที่สูงเกินกำลัง

หลายคนเลยต้องอาศัยการกู้ร่วมกับแฟนหรือคนในครอบครัว เพื่อให้ได้วงเงินพอซื้อบ้าน แต่ในโลกความจริง ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ตั้งใจจะโสดยาว หรือครอบครัวเองก็อาจมีภาระทางการเงินอยู่แล้ว นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่หลายคนเลือก “เช่า” เพราะมีอิสระทางการเงินมากกว่า “ซื้อ”

ค่าใช้จ่ายตามมาเพียบ!

หลายคนคิดว่าซื้อบ้านได้คือจบ แต่ความจริงแล้วมันเพิ่งเริ่มต้น เพราะนอกจากค่างวดที่ต้องผ่อนกับธนาคารทุกเดือน ยังมี “ค่าใช้จ่ายแฝง” ที่เจ้าของบ้านต้องรับผิดชอบตามมาอีกเพียบ ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น ค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง, ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะหรืออากรแสตมป์ ที่รวม ๆ แล้วอาจต้องเตรียมเงินไว้หลักแสนบาทเลยทีเดียว ยังไม่รวมค่าประกันอัคคีภัยที่ต้องทำตอนกู้แบงก์

พอเข้าอยู่จริงก็มีรายจ่ายตามมาอีก ทั้งค่าส่วนกลาง, ค่าบำรุงรักษา, ค่าซ่อมแซม, เฟอร์นิเจอร์ และแน่นอนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ต้องจ่ายทุกปี เทียบกับคนที่เช่าอยู่ เดือน ๆ นึงก็จ่ายแค่ค่าเช่า ไม่มีภาระจุกจิกให้ต้องปวดหัว ไม่ต้องเตรียมเงินก้อนใหญ่ไว้วันโอน หรือคอยนั่งคิดว่าท่อน้ำรั่ว ไฟดับ จะเรียกช่างยังไง ใครรับผิดชอบ เรียกได้ว่าเช่า = อยู่จบ ไม่ต้องแบกรับอะไรเกินตัว

ความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต

ถ้าชีวิตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การเช่าก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ความยืดหยุ่นแบบที่การซื้อให้ไม่ได้ จะเปลี่ยนงาน เปลี่ยนเมือง หรือแค่รู้สึกว่าอยากลองใช้ชีวิตในย่านใหม่ ก็แค่ย้าย ไม่ต้องกังวลเรื่องขายบ้าน หรือเจรจากับธนาคาร ยิ่งคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่ปักหลัก ยังค้นหาตัวตน ยังอยากลองใช้ชีวิตหลายแบบ การเช่าคือวิธีอยู่อาศัยแบบไม่ผูกมัดที่ทำให้เราขยับตัวได้ง่าย

ในทางกลับกัน การซื้อบ้าน-คอนโดเหมือนการลงหลักปักฐานแบบยาว ๆ ซึ่งถ้าใช้ชีวิตไปสักพักแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ จะเปลี่ยนก็ยาก จะขายก็ไม่เร็ว จะย้ายก็มีเรื่องภาระผ่อนที่ยังค้างอยู่ การเช่าจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกของคนที่ยังซื้อไม่ไหว แต่คือแนวทางของคนที่อยากใช้ชีวิตแบบคล่องตัว ไม่ต้องติดกับอะไรที่ยังไม่แน่ใจ

ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนเร็ว

ต้องยอมรับว่าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนเร็วจริง ๆ บางช่วงก็อยากอยู่คอนโดกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า แต่พอทำงานหนัก อยากมีพื้นที่พักใจ ก็เริ่มมองหาบ้านที่มีสนามเล็ก ๆ หรือมุมสงบให้นั่งชิล อยู่ไปสักพักเห็นโครงการใหม่เปิด มีฟิตเนสวิวสวย มี Co-working space ครบ ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าอยากย้ายอีกแล้ว

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าเราไม่ได้ต้องการบ้านหลังเดียวไปตลอดชีวิตเหมือนคนรุ่นก่อนอีกต่อไป แต่เราต้องการที่อยู่ที่เหมาะกับจังหวะชีวิตตอนนั้นมากกว่า ซึ่งการเช่าทำให้เราปรับเปลี่ยนตามความชอบและเทรนด์ใหม่ ๆ ได้ง่าย สามารถย้ายได้บ่อย ๆ (เมื่อหมดสัญญา) ขอแค่ตอบโจทย์กับตัวเองในตอนนั้นก็พอ

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่คนรุ่นใหม่เลือกเช่าบ้าน-คอนโดมากกว่าซื้อ แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนี้ ยังมีอีกหลายคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาเก็บเงิน รอให้การงานมั่นคง และมีความพร้อมกว่านี้ถึงตัดสินใจได้