แชร์ประสบการณ์

แชร์ประสบการณ์

นิทานอสังหา EP.9 กับดักภาพลักษณ์…ของชีวิตเอเจ้นท์ที่คุณอาจไม่เคยรู้

matching
วันที่สร้างประกาศ เวลาสร้าง 19 สิงหาคม 2568 13:00
นิทานอสังหา EP.9 กับดักชีวิตนายหน้า ภาพลักษณ์หรือภาพลวง
เวลาคนทั่วไปเห็นเอเจ้นท์อสังหาฯ บน facebook หน้าแน่น ผมเป๊ะ การแต่งกายสุดปัง รองเท้าคัชชูขัดเงาจนแทบเป็นกระจกส่องหน้า ขับ BMW ไปยืนหน้าบ้านหลัก 10 ล้าน เซลฟี่กับกับเจ้าของบ้าน แล้วลงแคปชั่น…
“วันนี้มาปิดดิลกันนะครับ owner”
เปิดมาแบบนี้ โอ้โห…ใครมันจะไม่อยากทำอาชีพนี้วะ คนก็คิดกัน…เออเนอะ งานง่าย เงินดี แต่งตัวสวยๆ ถ่ายรูปลงโซเชียลแล้วก็รอค่าคอมเข้าบัญชี
แต่พวกคุณรู้มั้ย เบื้องหลังคืออะไร?
ความจริงคือ… ก่อนจะได้ยืนถ่ายรูปหน้าบ้านนะกูนั่งกินข้าวเหนียวหมูฝอยในรถ
เพราะไม่มีเวลาลงไปนั่งกินที่ร้านแก้วสตาร์บัคสีทองแวววาวข้างในคือกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ 12 บาท แช่น้ำแข็งจนจืดเป็นน้ำล้างเท้า

สูทนี่รีดเอง ซักเอง ตากเอง เพราะร้านซักรีดคิด 60 บาท (60 บาทนี่ได้กาแฟเบอร์ดี้ 5 กระป๋องเลยนะมึง)

รองเท้าเงาๆ นี่ก็ไม่ได้ขัดอะไรหรอก เดินไปลุยสวนหลังสวนแล้วดินมันเลอะรองเท้าเลยเอาทิชชู่เปียกเช็ด มันเลยเงาไง แต่เวลาโพสต์ลง คนก็คิดว่า
“เฮ้ย! งานอะไรดูสบายดีจัง”
แล้วรถยุโรปในรูป… อย่าเข้าใจผิด บางทีมันไม่ใช่รถเรา ตอนกูไปเปิดบ้าน กูขับ Honda City 2014 ที่ขาดส่งประกันมา 2 ปี ไปจอดหลบข้าง ๆ

ลูกค้าขับ BMW มาจอดตรงหน้าบ้านพอดี เฮ้ย!!! รถสวยหว่ะ ขอยืนพิงเป็น prop แปบโพสต์เสร็จ เพื่อนๆคอมเมนต์ “ชีวิตดีจังมึง” ดี…แต่กูผ่อนรถคันนี้ไม่ไหวหรอก

เวลานัดลูกค้าที่ร้านกาแฟหรู ๆ แก้วละร้อยกว่า ในใจกูอยากกินโอเลี้ยงข้างถนนแก้ว 20 บาทไม่ต้องมีฟองนมก็ได้ขอไข่ลวก 2 ฟองก็พอเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว จะได้มีแรงไปงานอื่นต่อ

แต่กลัวลูกค้าเจอ แล้วความเชื่อถือหาย นั่งคุยกันเรื่องบ้าน 10 ล้าน 100ล้าน ในร้านคาเฟ่หรู ในใจคิดอย่างเดียว
“พี่อย่าสั่งของแพงนะ กูเลี้ยงไม่ไหว”
แต่ปากดันพูด…
“อยากทานอะไรเพิ่มมั้ยครับ เดี๋ยวผมเลี้ยง”
ส่วนผมทานมาเรียบร้อยแล้ว น้ำเปล่าขวดเดียวก็พอ

บางวันไปโครงการใหม่ น้ำส้มเย็น ๆ เสิร์ฟฟรี แอร์เย็นฉ่ำ เพลง style bozza nova เบาๆ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่บน rooftop โรงแรม 5 ดาว

เดินจิบ ๆ น้ำไป ยิ้มไป คุยกับคนนั้นที คนนี้ทีหน้าตากึ่มๆ เมาดิบไปเรื่อยเหมือนเป็นเศรษฐีเดินดู project 1,000 ล้าน แต่พอออกมานอกโครงการ… นั่งโทรหาลูกค้าเก่า
“คุณลูกค้าครับ พอดีผมเพิ่งได้ข้อมูลโครงการใหม่ สนใจจะนัดดูบ้านมั้ยครับ”
ภาพลักษณ์มันพาไปไกล
แต่ยอดตัวเลขในบัญชี…นิ่งสนิทเหมือนภาพภาพ
เพื่อนในเฟซก็ทัก “โห ชีวิตดี๊ดี อยากทำงานแบบมึงเลย” มึงอยากทำเหรอ...มาซิ เดือนนี้กูยังไม่มีเงินค่าน้ำมันรถเลย แต่ก็ไม่พูดออกไป เพราะไม่อยากให้ใครรู้ ว่าหลังบ้านเรามันไม่ได้สวยเหมือนหน้าเพจ

กับดักนายหน้าที่โหดสุด คือการต้องดูดีตลอดเวลาบางทีกระเป๋าสตางค์บางจนลมพัดปลิว แต่หน้าต้องแน่น ชุดต้องแพง เพราะลูกค้าซื้อบ้าน เขาซื้อความมั่นใจด้วย เราเลยต้องเล่นบทนี้ให้เนียนที่สุด แม้บางคืนจะกลับไปนั่งซดมาม่าแล้วคิดว่า
“เดือนนี้กูจะได้ปิดดีลได้มั้ยวะ”
และความจริงอีกอย่าง… งานนี้ไม่ใช่แค่ขายบ้านนะ มันขายความเชื่อและความหวังด้วย เวลาเราพาลูกค้าไปดูบ้าน กูต้องทำให้เขารู้สึกว่า “นี่แหละบ้านในฝัน”
ทั้งที่ในหัวเรากำลังคิดว่า
“ขอให้เขาวางจองทีเถอะ กูต้องจ่ายค่าบัตรเครดิตแล้ว”
แล้วรู้มั้ยอะไรตลกที่สุด ลูกค้าบางคนก็ถามตรง ๆ
“ทำงานเป็นนายหน้า รวยมั้ย?”
เราก็ต้องตอบแบบยิ้ม ๆ “ก็พออยู่ได้ครับ”

…ทั้งที่ในใจอยากตอบว่า
“กูต้องอยู่ให้ได้แหละ ไม่ทำแล้วจะเอาอะไรแดก”
ชีวิตเอเจ้นท์นี่มันเหมือนเล่นละครเวที ที่ไม่มีวันปิดม่าน ทุกวันคือรอบการแสดงใหม่ แต่คนดูไม่รู้ว่าข้างหลังเวที… เราเหนื่อยขนาดไหน

เรายิ้มตลอดเวลา ยืนท่าดีตลอดเวลา เดินไปที่ไหนต้องทำตัวให้มั่นใจตลอดเวลาเพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เดินสวนเราคือว่าที่ลูกค้าหรือเปล่า
ในวงการนี้นะ ถ้า Balance ชีวิตตัวเองไม่ดี สุดท้ายอาจเหลือแค่ภาพ
แต่เราก็ยังทำต่อ เพราะเราเชื่อว่า… วันหนึ่ง ภาพที่เราสร้าง มันจะไม่ใช่แค่ภาพ jpg แต่มันจะเป็นภาพความจริงทั้งชีวิต พวกมึงเห็นแต่มุมดีๆกันมาเยอะแล้ว เดี๋ยวกูเล่าเรื่องที่เค้าไม่พูดถึงให้ฟังสัก 3 เรื่อง
เรื่องโหดที่ 1 – นัดแล้วหาย
เคยนัดลูกค้าดูบ้านแถวบางนา 11 โมงเช้า กูตื่นตั้งแต่ 6 โมง โกนหนวด แต่งหน้า รีดสูท ขัดรองเท้า ล้างรถ นั่งเตรียมข้อมูลอย่างดี ไปถึงบ้านก่อนเวลาเกือบชั่วโมง survey ในโครงการ นั่งบิ้วตัวเองกับ Vibe ภายในบ้าน เสมือนกูกำลังเป็นเจ้าของบ้าน มา present เอง

แต่รอ…รอ…รอจนบ่ายโมง โทรไปก็ไม่รับ สุดท้ายได้ข้อความตอนค่ำ “พอดีไม่ว่างแล้วครับ ติดประชุมด่วน” อห.!!!! ถ้าบอกแต่เช้า กูเอาเวลานั้นไปนอนต่อได้ 3 ตื่นเลยนะ
เรื่องโหดที่ 2 – ลูกค้าเทกลางฝน
อีกที นัดดูคอนโดหรูวิวแม่น้ำเจ้าพระยา วันนั้นฝนตกหนักมาก กูก็ขับรถไปเรื่อยๆ
ทั้งๆที่น้ำท่วมครึ่งล้อ จังหวะออกมาจากรถวิ่งเข้าตึกสูทเปียกเหมือนเพิ่งเล่นสงกรานต์ ผมก็อุตส่าห์เซ็ตมาดิบดี ถึงล็อบบี้ ก็โทรหาลูกค้า…

เขาบอก “ฝนตกหนักแบบนี้ไม่สะดวกออกครับ”

เฮ้ย! กูอยู่นี่แล้วเว้ย!!!!!ฝนก็ทำกูเปียกแย่แล้ว มึงยังเทให้กูเปียกกว่าเดิมอีก
เรื่องโหดที่ 3 – ดิลจบแต่ตัวเลขไม่จบ
ปิดการขายบ้านได้ ดีใจแทบร้องไห้ เพราะไฟต์มาเกือบ 3 เดือน แต่พอถึงวันโอน ค่าใช้จ่ายวันโอนที่แจ้งไปกลับไม่ตรงเจ้าของเก่าไม่จ่าย…ผู้ซื้อก็มองหน้าเราแบบ “แล้วใครจะจัดการ”สุดท้ายต้องวิ่งเคลียร์กันวุ่นวาย หวยตรงที่ใครล่ะ เอเจ้นท์ไงสาดดดดด!!! ต้องเจียดค่าคอมส่วนนึงไปเป็นค่าโอน ที่คิดว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้…สุดท้ายแล้วแทบไม่เหลือ
สุดท้ายแล้ว…อาชีพเอเจ้นท์
มันไม่ใช่อาชีพที่หรูเหมือนใน social
มันคืออาชีพที่ต้องแสดงความพร้อม
แม้ข้างในจะโคตรไม่พร้อมมันคือการยิ้มทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งโดนเท มันคือการแต่งเต็มทั้งที่กระเป๋าสตางค์เหลือร้อยเดียว

เราทำเพราะเราเชื่อว่า…ถ้าเราทำให้ลูกค้าเชื่อว่าเขาจะได้บ้านในฝัน วันหนึ่งเราก็จะได้ชีวิตในฝันเหมือนกัน

แต่ระหว่างทาง…ก็อย่าลืมดูแลตัวเอง อย่าทำให้ภาพลักษณ์ติดแกรมจนชีวิตจริงต้องติดลบเพราะภาพมันสำคัญก็จริง แต่ชีวิตจริงสำคัญกว่า

ถ้าคุณเห็นเอเจ้นท์โพสต์รูปกับ BMW หน้าบ้านหรู 10 ล้าน

อย่าเพิ่งคิดว่าเขารวย…อาจจะเป็นรถลูกค้าก็ได้
หรือไม่ก็…รถจอดข้างบ้านแล้วเผลอเดินไปพิง
แค่นั้นแหละ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดูหัวข้ออื่นเพิ่มเติม